31/03/2023
Breaking News

กปปส. : 3 รมต. ในรัฐบาลประยุทธ์ พ้นตำแหน่งโดยทันที หลังศาลสั่งติดคุกคดี กปปส. แต่หลุดข้อหากบฏ

ศาลอาญาพิพากษาติดคุกแกนนำกรุ๊ปที่เรียกตัวเองว่า “คณะกรรมการราษฎรเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิวัติเมืองไทยให้เป็นระบบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นกษัตริย์” (กปกรมประชาสงเคราะห์) ตั้งแต่ 4 เดือน ถึง 9 ปีเศษ โดยมี 3 รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อำเภอ ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกพิพากษาติดคุกด้วย และจะต้องหลุดจากตำแหน่งทันที เพราะว่าขาดคุณสมบัติตามรัฐธรรมนูญ

วันนี้ (24 กุมภาพันธ์) ศาลอาญา ถ.รัชดา นัดฟังคำวินิจฉัยคดีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตกาลเลขาธิการ กปกรมประชาสงเคราะห์ กับพวกรวม 39 คน เป็นเชลยในความผิดฐานด้วยกันเป็นกบฏ ก่อให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรง ทำลายระบอบการปกครอง มั่วรวมกันทำให้เกิดความไม่สงบในบ้านเมืองฯ และข้อหาอื่นๆจากการรวมกันด้านการเมืองเมื่อ 7 ปีที่ผ่านมา
เฉพาะนายสุเทพ และนายชุมพล จุลใส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร พรรคประชาธิปัตย์ ตกเป็นเชลยคดีก่อการร้ายโดยวิธีการใช้
คดีนี้อัยการสำนักงานคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นสำนวนฟ้องแกนนำ 9 คนนำโดยนายสุเทพต่อศาลอาญา และถัดมาฟ้องเพิ่มเติม 30 คน รวมเป็น 39 คน เมื่อวันที่ 24 เดือนมกราคม 2561 เชลยทั้งผองให้การไม่ยอมรับและได้รับการประกันตัวระหว่างต่อสู้คดีทุกคน

sutrep2
อ่านคำวินิจฉัยกว่า 7 ชั่วโมง

ศาลใช้เวลากว่า 7 ชม. สำหรับการอ่านพิพากษา โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ติดคุก 5 ปี
นายชุมพล จุลใส ติดคุก 9 ปี 24 เดือน
นายพุทธิดงษ์ ปุณณโกน ติดคุก 7 ปี
นายอิสสระ สมชัย ติดคุก 7 ปี 16 เดือน
นายวิทยา แก้วภราดัย ติดคุก 1 ปี คอยลงโทษ ปรับ 13,333 บาท
นายถาวร เสนเนียม ติดคุก 5 ปี
นายณัฏฐพล หนปสุวรรณ ติดคุก 6 ปี 16 เดือน
นายเอกนัฏ พร้อมประเภท ติดคุก 1 ปี คอยลงโทษ ปรับ 13,333 บาท
สำหรับเชลยรายอื่นๆที่จะต้องคำวินิจฉัยติดคุกในคดีเดียวกัน ประกอบด้วย
นางสาว อัญชะลี ผู้จองเวรรัก ติดคุก 1 ปี คอยลงโทษ ปรับ 13,333 บาท
นายสมเกียรติ ดงษ์ไพบูลย์ ติดคุก 1 ปี คอยลงโทษ ปรับ 13,333 บาท
นายถนอม อ่อนเกตุพล ติดคุก 1 ปี คอยลงโทษ ปรับ 13,333 บาท
นายสมอำนาจ โกศัยสุข ติดคุก 3 ปี
นายสุวิทย์ ทองวิเศษ หรือพระพุทธอิสระ ติดคุก 4 ปี 8 เดือน
นายแสดง เซกัลป์ ติดคุก 2 ปี รองลงโทษ ปรับ 26,666 บาท
พล.อำเภอท. วัชระ ฤทธาคนี ติดคุก 1 ปี คอยลงโทษ ปรับ 13,333 บาท
พล.ร้อยเอก ชัย สุวรรณภาพ ติดคุก 1 ปี คอยลงโทษ ปรับ 13,333 บาท
ร้อยตรี แซมดิน เลิศเลอบุศย์ ติดคุก 4 ปี 16 เดือน
นายแม่นมั่น กะการดี ติดคุก 1 ปี คอยลงโทษ ปรับ 13,333 บาท
นายคมสัน ทองศิริ ติดคุก 2 ปี
นายสาวิทย์ แก้วหวาน ติดคุก 2 ปี
นายสุริยะใส กตะหินผา ติดคุก 2 ปี
นายสำราญ รอดเพชร ติดคุก 2 ปี 16 เดือน
นายอมร อมรรัตนานนท์ ติดคุก 20 เดือน
นายพิเชษฐ พัฒนโชติ ติดคุก 1 ปี คอยลงโทษ ปรับ 13,333 บาท
นายกิตว่ากล่าวชัย ใสสะอาด ติดคุก 4 เดือน คอยลงโทษ ปรับ 6,666 บาท
นางทยา หนปสุวรรณ ติดคุก 1 ปี 8 เดือน คอยลงโทษ ปรับ 26,666 บาท

3 รมต. พ้นตำแหน่ง

ผลจากคำวินิจฉัยศาลวันนี้ ทำให้ 3 รัฐมนตรีในรัฐบาล พล.อำเภอ ประยุทธ์ เช่น นายณัฏฐพล หนปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการศึกษาธิการ, นายพุทธิดงษ์ ปุณณโกน รัฐมนตรีว่าการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการการติดต่อสื่อสาร จะต้องพ้นจากตำแหน่งในรัฐบาลทันที เพราะว่าความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตาม 160(7) และมาตรา 170(4) ของรัฐธรรมนูญ แม้คดียังไม่ถึงที่สุดก็ตาม ซึ่งนายวิษณุ เครือสวย รองนายกฯ เป็นผู้ออกมารับรองในประเด็นนี้
ส่วนกรณีของ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีการพินิจพิจารณากันในกลุ่มนักการเมืองว่าถ้าเกิดยึดตามบรรทัดฐานคดีนายเทพไท เสนตระกูล อดีตกาล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรนครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) สถานภาพของพวกเขาจะต้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 98(6), 101(6) ถ้าเกิดจะต้องคำวินิจฉัยให้ติดคุกและไม่ได้รับการประกันตัว

ตัดสิทธิการเมือง 7 คน

แม้กระนั้นสำหรับนายณัฏฐพล หนปสุวรรณ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ พปชร., นายชุมพล จุลใส สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดชุมพร ปชป. และนายอิสสระ สมชัย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรบัญชีรายชื่อ ปชป. จะต้องหลุดจากที่ประชุม เนื่องมาจากศาลอาญายังสั่งเพิกถอนสิทธิด้านการเมืองของพวกเขาตรงเวลา 5 ปี ซึ่งนอกเหนือจากเชลย 3 คนนี้ ยังมีคำบัญชาเพิกถอนสิทธิการเมืองของนายสุวิทย์ ทองวิเศษ, ร้อยตรี แซมดิน เลิศเลอบุศย์, นายสำราญ รอดเพชร และนางทยา หนปสุวรรณ ซึ่งมีกระแสข่าวว่าพอใจลงชิงเก้าอี้ผู้ว่า กรุงเทพมหานคร ด้วย
อย่างไรก็แล้วแต่ในข้อหากบฏ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 113 ศาลพิจารณาหลักฐานแล้วมีความเห็นว่า ศาลรัฐธรรมนูญเคยวิเคราะห์ได้แก่การใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ คาดหวังรัฐบาลลาออก ให้มีการปฏิวัติเพื่อแก้ปัญหาประเทศก่อนเลือกตั้ง จึงไม่มีลักษณะทำลายการปกครองตามรัฐธรรมนูญ โดยที่คำตัดสินรัฐธรรมนูญมีผลผูกพันทุกองค์กร วิเคราะห์แล้วไม่มีเจตนาความผิดฐานกบฏ

สาเหตุของภาพ,THAI NEWS PIX
คำพรรณนาภาพ,
อดีตกาลแกนนำ กปกรมประชาสงเคราะห์ เดินทางมาถึงศาลอาญาเพื่อฟังคำวินิจฉัย

sutrep3

“อะไรจะกำเนิดก็จะต้องกำเนิด”

ก่อนเข้าไปในห้องพิจารณาคดีเพื่อยอมรับฟังคำวินิจฉัย นายสุเทพพูดว่า “อะไรจะกำเนิดก็จะต้องกำเนิด” โดยพูดว่าเชลยอีกทั้ง 39 คนได้พูดคุยกัน และทำใจไว้แล้วไม่ว่าผลคำวินิจฉัยจะออกมายังไง แม้กระนั้นย้ำว่าการต่อสู้ของพวกเขาเป็นการต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง ตั้งมั่นความประพฤติปฏิบัติที่รับผิดชอบ ไม่ได้ปรารถนาฝืนกฎหมาย เคารพนับถือข้อบังคับในกระบวนการยุติธรรม และน่าชื่นใจมากทุกกรณีทุกจังหวัดที่แนวร่วม กปกรมประชาสงเคราะห์ ถูกดำเนินคดี ไม่มีผู้ใดหลบหนีคดี
ช่วงเวลาที่บรรยากาศที่ศาลอาญา ถ.รัชดา มีราษฎรเดินทางมาให้กำลังใจเชลยอีกทั้ง 39 คน ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้นโดยรอบพื้นที่ศาล
• “ม็อบนกหวีด” กับ 4 เรื่องข้างหลัง กปกรมประชาสงเคราะห์
• สุเทพ: “สิ่งที่ยอดเยี่ยมภายใต้ความน่าจะเป็นไปได้คือ พล.อำเภอประยุทธ์”
• วันเกิดครบรอบ 68 ปีกับ 4 ตำนานการเมืองของ “กำนันสุเทพ”
• สุเทพ-ทักษิณ ครบ 70 ปี พวกเขาจะอยู่สำหรับการเมืองไทยไปอีกนานแค่ไหน
กปกรมประชาสงเคราะห์ นำโดยนายสุเทพจัดแจงรวมกันเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 เดือนตุลาคม 2556 รอบๆ ถ.เลาะสถานีรถไฟสามเสน จังหวัดกรุงเทพมหานคร เพื่อต้านการช่วยส่งเสริมร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม “ฉบับสุดซอย” ของรัฐบาล นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินการปฏิบัติ เปลี่ยนเป็นจุดเริ่มของการรวมกันบนถนนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ลากยาวตรงเวลา 204 วัน ก่อนที่จะจบในวันที่ 22 เดือนพฤษภาคม 2557 เมื่อ พล.อำเภอ ประยุทธ์ จันทร์โอชา นำแผนกรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติยึดอำนาจ
สำหรับความประพฤติความผิดที่อัยการบรรยายในคำฟ้อง สรุปสาระสำคัญได้ว่า
• ตั้งขึ้นคณะบุคคลที่ใช้ชื่อว่า กปกรมประชาสงเคราะห์
• ด้วยกันมั่ว เป็นอั้งยี่ ถ้ำโจร ตั้งขึ้นกองกำลัง แบ่งภาระหน้าที่กันปฏิบัติก่อความผิดต่อความมั่นคงของเมืองด้านในราชอาณาจักร
• ยุยงปลุกระดมให้ราษฎรทั่วประเทศกระด้างกระเดื่อง ร่วมรวมกันไล่ส่ง นางสาว ยิ่งลักษณ์ ชินการปฏิบัติ นายกฯ (ขณะนั้น) ให้ออกจากตำแหน่ง
• กีดกันการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เพื่อไม่ให้นายกฯ และ ครม. ชุดใหม่เข้าบริหารประเทศ
• ให้เจ้าหน้าที่รัฐขั้นสูงรายงานตัวกับกรุ๊ป กปกรมประชาสงเคราะห์
• แต่งตั้งคณะบุคคลเข้าบริหารประเทศเป็น “รัฐบาลราษฎร” เป็นรัฏฐาธิปัตย์ ซึ่งจะออกคำสั่งแต่งตั้งนายกฯ และ ครม. โดยจะนำรายชื่อขึ้นกราบบังคมทูลฯ เอง
• ตั้งขึ้นกองกำลังส่วนหนึ่งส่วนใดพร้อมอาวุธเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการและหน่วยงานสำคัญหลายแห่ง เพื่อไม่ให้รัฐบาลบริหารราชการแผ่นดินได้
• ปิดกั้นกีดกันเส้นทางการติดต่อสื่อสารขนส่งเป็นเหตุให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อน
• ปิดจังหวัดกรุงเทพมหานคร ด้วยการตั้งเวทีทักทาย 7 จุดทั่วจังหวัดกรุงเทพมหานคร ปิดกั้นเส้นทางการจราจร ตั้งขึ้นกองกำลังรักษาพื้นที่ วางสิ่งกีดขวาง ไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวเนื่อง

กรุ๊ปผู้ส่งเสริมและสนับนุนมาให้กำลังใจผู้ต้องหาคดีกบฏ กปกรมประชาสงเคราะห์ ที่หน้าศาลอาญา

ศาลไม่ให้ประกัน เข้าตารางทันที 8 คน

เมื่อเวลา 19.34 น. นายสกลธี ภัททิยกุล อดีตกาลแกนนำ ปปกรมประชาสงเคราะห์ ปัจจุบันนี้ครองตำแหน่ง รองผู้ว่ากรุงเทพฯ โพสต์ทางบัญชีเฟซบุ๊กว่า “กำนัน พี่ตั้น พี่บี พี่ลูกหมี พี่ถาวร ไม่ได้ประกันตัวครับผม ???” ซึ่งหมายถึง
• นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
• นายณัฏฐพล หนปสุวรรณ
• นายพุทธิดงษ์ ปุณณโกน
• นายชุมพล จุลใส
• นายถาวร เสนเนียม
ส่วนอีก 3 คน เช่น
• นายสุวิทย์ ทองวิเศษ หรือพระพุทธอิสระ
• ร้อยตรี แซมดิน เลิศเลอบุศย์
• นายอิสสระ สมชัย
sutrep4
สาเหตุของภาพ,THAI NEWS PIX
คำพรรณนาภาพ,
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในห้องกักที่ศาลอาญา ข้างหลังคำวินิจฉัย เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อเหลืองเพื่อคอยส่งไปเรือนจำ
ราว 20.30 น. ผู้ต้องขังอีกทั้ง 8 คน ถูกนำตัวจากศาลอาญาขึ้นรถกักของเรือนจำไปติดคุกที่เรือนจำพิเศษจังหวัดกรุงเทพมหานคร โดยมีราษฎรจำนวนหนึ่งเดินทางมาส่ง พร้อมร้อง “สู้ไม่ถอย” ที่ใช้ร้องระหว่างการรวมกันปิดจังหวัดกรุงเทพมหานคร แล้วมีเสียงตะเบ็งว่า “คนอัลธพาลหนีหมด คนดีหนีเข้าตาราง คนอัลธพาลหนีไปต่างประเทศ ต่อไปคนใดกันจะออกมาสู้”
นางทยา หนปสุวรรณ ที่ถูกจำตาราง 1 ปี 8 เดือน คอยลงโทษ ปรับ 26,666 บาท กล่าวกับผู้สื่อข่าวหน้าศาลในสภาพหนีบไม้เท้าที่แขนทั้งสองข้างว่า ผู้ต้องโทษทั้งผองจะยื่นอุทธรณ์และขอประกันตัวอีกรอบ
นอกเหนือจากคดีกบฏ กปกรมประชาสงเคราะห์ ชุดใหญ่ ยังมีคดีย่อยๆที่ถูกแยกสำนวนออกไป โดยศาลอาญาพิพากษาเมื่อ 25 กรกฎาคม 2562 ยกฟ้อง 4 แกนนำ กปกรมประชาสงเคราะห์ ประกอบด้วย นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, นายเสรี วงษ์มณฑา, นายโภคทรัพย์ ธำรงร่ำรวยญตระกูล และนายสกลธี ภัททิยกุล ในความผิดฐานด้วยกันเป็นกบฏและอื่นๆรวม 8 ข้อหา โดยให้เหตุผลว่าหลักฐานที่โจทก์นำสืบยังน้อยเกินไปฟังได้ว่าเชลยอีกทั้ง 4 กระทำผิดตามฟ้อง ถัดมาอัยการได้ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งศาลอุทธรณ์นัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 6 เดือนพฤษภาคม