21/03/2023
Breaking News

ความมันส์จะกลับมา! 5 เหตุผลที่แมนยูควรตั้ง “ร็อดเจอร์ส” แทน “โซลชา”

ช่วงนี้ดูเหมือนจะมาแรงกว่าคนไหนกันแน่เพื่อนพ้องสำหรับ เบรนดินแดน ร็อดพบร์ส ผู้จัดการทีม เลสเตอร์ สิตี้ กับการเช็ดกดูยอดเยี่ยมในกุนซือที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล็งดึงมาคุมกลุ่ม ถ้าหากตกลงใจปลด โอเล่ กุนที่นาร์ โซลชา พ้นตำแหน่งนายใหญ่ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ซึ่งแน่ๆว่า ในกลุ่มแฟนบอล “ปีศาจร้ายแดง” มีทั้ง “เอานะ” และ “ไม่เอา” โดยเหตุผลของฝ่ายหลังสำคัญๆก็หนีไม่พ้นการที่ ร็อดพบร์ส เคยคุมกลุ่มคู่ต่อสู้ชั่วกัลปวสานอย่าง ลิเวอร์พูล มาก่อน แถมเป็นโค้ชที่ยังไม่ได้ถูกจัดอยู่ในระดับหัวแถวของวงการ หรือมีดีกรีคู่ควรที่จะเป็นกุนซือให้กับสโมสรที่ยิ่งใหญ่อย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด

อย่างไรก็ดี ตลอดช่วง 10 ปีที่ล่วงเลยมานี้ ร็อดพบร์ส ก็ได้ชี้ให้เห็นแล้วว่า เขาเป็นกุนซือเก่ง และมีสไตล์ทำทีมที่น่าสนใจคนหนึ่ง แม้ยังไม่อยู่ในระดับเดียวกับตัวท็อปๆอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า, พบร์เก้น คล็อปป์ หรือ อันโตนิโอ คอนเต้ ก็ตาม และนี่คือ 5 เหตุผลเน้นย้ำๆที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ควรลองดึง กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือวัย 48 ปี มาคุมทัพ

– สามารถสืบต่องานจาก โซลชา ได้

man1

แน่ๆว่า ชื่อของ ซีเนดีน ซีดาน และ เอริค เทน ฮาก อาจดูน่าดึงดูดหัวใจกว่า แม้กระนั้นการมาของพวกเขานั้น “ปีศาจร้ายแดง” อาจจะต้องมีการ “เปลี่ยนครั้งใหญ่” อีกครั้ง โดยเฉพาะเรื่องขุมกำลังนักเตะ แม้กระนั้นสำหรับ ร็อดพบร์ส แล้ว เหมาะมากกับกระบวนการทำกลุ่มตามกลยุทธ์ระยะยาวที่ แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังทำอยู่ในขณะนี้ ด้วยเหตุว่าที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เขามีครบทุกๆสิ่งทุกๆอย่างอยู่แล้ว แถมทำงานโดยที่ไม่ต้องกดดันมากมายด้วย และที่สำคัญ ร็อดพบร์ส เป็นกุนซือที่เน้นย้ำปั้น, ชอบพัฒนาของที่มีอยู่ และไม่ได้ใช้เงินสิ้นเปลืองไปกับการเสริมทัพ ซึ่งจุดนี้กระดานบริหาร แมนฯ ยูไนเต็ด คงจะโอเคมากๆซึ่งหากว่าพวกเขาพร้อมที่จะให้เวลาทำงาน เช่นเดียวกับที่ให้กับ โซลชา ล่ะก็… ร็อดพบร์ส ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจทีเดียว

– เกมรุกตื่นเต้นแน่

man2

แฟนบอล แมนฯ ยูไนเต็ด คนไม่ใช่น้อยอาจจะหัวเสีย และอึดอัดไม่น้อยกับสไตล์กระบวนการทำกลุ่มของ โซลชา ที่ไม่ดุเดือดมากพอ ทั้งที่ในกลุ่มมีกลุ่มผู้เล่นแนวรุก ซึ่งคงจะชั่วร้ายสุดในลีกเลยก็ว่าได้ เมื่อเห็นชื่อของนักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เอดินสัน คาวานี่, มาร์คัส แรชฟอร์ด, เมสัน กรีนวู้ด, อ็องโตนี่ มาร์กสิยาล รวมทั้งจอมทัพคนเก่งอย่าง บรูโน่ แฟร์นันด์ส ซึ่งปัญหาที่ตรงนี้อาจจะถูกปลดล็อกโดย ร็อดพบร์ส ด้วยเหตุว่าก่อนหน้านี้นั้น เขามีสไตล์กระบวนการทำกลุ่มที่ดูสนุก ตื่นเต้น ไล่ตั้งแต่ตอนคุม สวอนซี สิตี้ มาจนถึง ลิเวอร์พูล และ เซลตำหนิกรัม.. อย่าลืมครับผมว่า ในช่วงฤดูกาล 2013/14 ที่ ลิเวอร์พูล ตกม้าตาย ถูก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงได้แชมป์ พรีเมียร์ลีก นั้น เขานำทัพ “ลิเวอร์พูล” ซึ่งมี หฝ่าส์ ซัวเรซ และ แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ เป็นเครื่องจักรผลิตสกอร์ เข้าป้ายอันดับสอง และทำได้ถึง 101 ประตู!!! ลองจินตนาการดูแล้วกันครับว่า มันจะชั่วร้ายแค่ไหน ถ้าหากเขามีนักเตะกลุ่มที่ว่าเอาไว้ตอนแรกอยู่ในกำมือ

– มีประสบการณ์ใน พรีเมียร์ลีก

man3

ถ้าหากเลือกโค้ชบิ๊กเนมคนอื่นๆอาจจำต้องให้เวลาพวกเขาในการปรับพฤติกรรม แม้กระนั้นเรื่องนี้ไม่สำคัญสำหรับ ร็อดพบร์ส ที่มีประสบการณ์มากมายในเวที พรีเมียร์ลีก (257 เกม) แถมคุมสโมสรมาแล้วทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นสโมสรเล็กๆอย่าง สวอนซี สิตี้, กลางอย่าง เลสเตอร์ สิตี้ ในขณะนี้ หรือสโมสรยักษ์ใหญ่อย่าง ลิเวอร์พูล โดยเหตุนี้ถ้าหากกล่าวถึงเรื่องประสบการณ์ในลีกที่นี้ อาจจะไม่มีอะไรน่ากังวลสำหรับ ร็อดพบร์ส

– ดีกรีไม่เบา

man5

หลายๆคนอาจจะไม่มีค่า ร็อดพบร์ส ในเรื่องเกี่ยวกับการ “แผ่วปลาย” หรือเป็นกุนซือที่ชอบฟอร์มหลุดในช่วงโค้งสุดท้าย ไม่ว่าจะเป็นตอนคุม ลิเวอร์พูล ที่วืดแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2013/14 หรือสองฤดูกาลล่าสุดกับ เลสเตอร์ ที่เจ้าตัวพาทีมหลุดจากโควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อย่างน่าเสียดาย แม้กระนั้นอย่าลืมว่า ร็อดพบร์ส บรรลุเป้าหมายอย่างยิ่งตอนคุม เซลตำหนิก ช่วงระหว่างปี 2016-2019 ด้วยเหตุว่าในขณะเกือบจะๆ3 ปีนั่น เขาพาทัพ “ม้าลายเขียว-ขาว” ได้แชมป์ สกอตตำหนิช พรีเมียร์ชิพ 2 สมัย, สกอตตำหนิช คัพ 2 สมัย และ สกอตตำหนิช ลีก คัพ 3 สมัย รวมๆแล้ว ร็อดพบร์ส ได้แชมป์ถึง 7 รายการ ในถิ่น เซลตำหนิก พาร์ค แม้เป็นการคุมกลุ่มในลีกไม่ยากอย่าง สกอตแลนด์ แม้กระนั้นการบรรลุผลระดับนี้ จัดว่าไม่ธรรมดาเลย แถมฤดูที่แล้วได้แชมป์ เอฟเอ คัพ กับทัพ “หมาจิ้งจอกสยาม” ด้วย

– กล้าได้ กล้าเสีย

man6

อย่างที่บอกไปในข้อที่แล้ว แม้ ร็อดพบร์ส ถูกดูเป็นกุนซือจอมแผ่วปลาย แม้กระนั้นในเรื่อง กล้าได้ กล้าเสีย นั้น จำต้องยกให้เขา ด้วยเหตุว่าการพากลุ่มอย่าง เลสเตอร์ ขึ้นมาอยู่ในกลุ่มบนตาราง และสามารถต่อกรกับสโมสรใหญ่อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้, ลิเวอร์พูล, เชลซี, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, อาร์เซน่อล และ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ได้อย่างสูสีตลอดช่วงสองฤดูก่อนหน้านี้ ถือเป็นภาพสะท้อนให้เห็นว่า ร็อดพบร์ส เป็นกุนซือที่พร้อมบวกอยู่แล้ว ไม่มีคำว่า “กลัว” อยู่ในหัวแน่ๆ ซึ่งจุดนี้ถือเป็นแคแรคเตอร์ที่ดีสำหรับเพื่อการเป็นกุนซือ