บนเส้นทางการบ้านการเมือง ของ “สิระ” ในบทบาท “ส.ส.” เต็มไปด้วยสีสัน และความกล้าหาญล้นหลาม แต่สุดท้าย ความเป็นนักการเมืองจะต้องเลิก ด้วยคำวินิจฉัย ศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องด้วยคุณสมบัติ ต้องห้ามเป็น ส.ส.
เมื่อทดลองย้อนเส้นทางการเป็น ส.ส.สมัยแรกของ “สิระ เจนจาคะ” ส.ส.กทม. เขตหลักสี่ ในสังกัดพรรคพลังประชาชนรัฐ นับว่าเป็นหนึ่งในคนที่มักสร้างความกล้าหาญ กระทั่งถูกกล่าวถึงในหน้าสื่อ และโซเชียลเน็ตเวิร์ค หลายครั้ง ด้วยพฤติกรรม ปะ ฉะ ดะ เรียกเสียงฮือฮาได้ตลอด
ในตอนแรกของการเป็นส.ส. ของ สิระ อยู่ในสังกัดกลุ่มสามมิตร นำโดย “สุริยะ จึงเจริญก้าวหน้ากิจ” รมว.อุตสาหกรรม และ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.เที่ยงธรรม เคยสร้างความกล้าหาญ เฉดหัวไล่ “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการพรรคพลังประชาชนรัฐ พร้อมบอกเหตุผลและทิ้งกลุ่มคำเด็ด ว่าเป็นภัยต่อความมั่นคงยั่งยืนของพรรคและรัฐบาลอย่างมาก บริหารผิดพลาดหลายเรื่อง ไร้ภาวะผู้นำ ไม่อาจจะเข้าถึงตัวเพื่อขอความเห็นปัญหาได้
อีกความกล้าหาญที่สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากคือ พฤติกรรมกร่างใส่ตำรวจท้องที่ภูเก็ตระหว่างนำคณะวิเคราะห์พื้นที่ก่อสร้าง ห้องชุด เนื่องจากว่าไม่ชอบใจที่มาต้อนรับดูแลคณะชักช้า
ความกล้าหาญในสภา สิระ เคยสร้างเสียงฮือฮาทำเหรียญหลวงพ่อป้อม รุ่นป่ารอยต่อ เป็นเหรียญห้อยคอ รูปพล.อำเภอประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชาชนรัฐ ทำด้วยทองคำ น้ำหนัก 50 สตางค์ ในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ครั้งที่ผ่านมา
นอกจากนั้น สิระ และ พล.ต.อำเภอเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย นับว่าเป็นคู่อริคนสำคัญ เนื่องจากว่าด้วยบทบาทที่ สิระ ได้รับสำหรับในการเป็น 1 ในองครักษ์รักษานายกฯ จึงอุตสาหะตีรวนการวิเคราะห์นายกรัฐมนตรี ในหลายเรื่อง เป็นต้นว่า กรณี พล.ต.อำเภอเสรีพิศุทธ์ อุตสาหะวิเคราะห์พล.อำเภอประยุทธ์ จันทร์โอชา สำหรับในการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ตามรัฐธรรมนูญ ผ่านกลไกของ คณะกรรมาธิการป.ป.ช. กระทั่งกลบสาระสำคัญสำหรับในการดำเนินงานของ กมธ.ชุดดังกล่าวข้างต้น
อีกทั้ง สิระ และ พล.ต.อำเภอเสรีพิศุทธ์ นับว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมา กันมาโดยตลอด ถึงขนาดประกาศไม่เผาผีกันและกัน
สิระ เจนจาคะ
ครั้งหนึ่ง สิระ เคยนำสื่อมวลชนล่องเรือวิเคราะห์บ้านพักของพล.ต.อำเภอเสรีพิศุทธ์ ที่ก่อสร้างรุกลำน้ำเจ้าพระยา กระทั่งถูกฟ้องข้อกล่าวหาสบประมาทด้วยการโฆษณา แต่ในที่สุด ศาลชี้ขาดยกฟ้อง และ สิระ ยังเคยหิ้วตะกร้ามาอวยพรปีใหม่ พล.ต.อำเภอเสรีพิศุทธ์ อีกทั้งขอประทานโทษสิ่งที่เคยลวนลามอีกด้วย
อย่างไรก็ดี พล.ต.อำเภอเสรีพิศุทธ์ นี่เอง ที่เป็นคนตั้งประเด็นคุณสมบัติสำหรับในการเป็นส.ส. ของ สิระโดยร้องต่อ กกต. เนื่องจากว่ามองว่า คุณสมบัติเข้าข่ายลักษณะต้องห้ามเป็นส.ส. เนื่องจากว่าเคยถูกลงโทษคดีโกง เมื่อปี 2538 โดยศาลแขวงอุบลวัน ตัดสินติดตะราง 8 เดือน แต่เจ้าตัวยอมรับสารภาพ จึงลดโทษ เหลือ 4 เดือน
ในช่วงโควิด-19 ระบาด ระลอกแรก กระทั่งทำให้หน้ากากอนามัยขาดแคลนอย่างมาก สิระ ได้อุตสาหะหาหน้ากาก มาแจกราษฎร แต่กลับถูกตั้งข้อสังเกตเรื่องคุณภาพของอุปกรณ์ที่ใช้ผลิต อาจมีเส้นใยก่อสารพิษ กระทั่งเกิดวิวาทะกันระหว่างนักวิชาการ อย่าง อำเภออ๊อด วีรชัย พุทธวงศ์ ภาควิชาเคมีคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์
รวมถึงในกรณีที่ สิระ ออกมาคุ้มครองพล.อำเภอประยุทธ์ ภายหลัง เต้ มงคลกิตติ์ สุขสินน้ำความสนุก หัวหน้าพรรคไทยศรีงามย์ โพสต์ท้าชกกับนายกรัฐมนตรี สิระเลยออกหน้าตอบโต้เต้อย่างเจ็บแสบว่า อย่าทำสภาย่ำแย่
“ฟันดีๆเก็บไว้ทานข้าวดีมากยิ่งกว่า” สิระ กำหนด กระทั่งทั้งสองเกือบชกต่อยต่อหน้าต่อตาสื่อ มาครั้งหนึ่งแล้ว
ไม่เพียงแต่ต่อสู้ คนภายในขั้วตรงข้าม สิระ ยังเคยจัดหนักคนภายในรัฐบาล อย่าง วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ จากในกรณีที่หมอเลี้ยบ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทย ทั้งที่เคยจะต้องคำตัดสินศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ครองตำแหน่งทางการเมือง ให้ติดตะรางมาแล้ว จึงมีข้อสังเกตว่าขัดข้อบังคับพรรค เนื่องจากว่ามีลักษณะต้องห้าม ส่อขัดพระราชบัญญัติพรรคการเมือง กระทั่ง เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรค พปชร. ยื่นร้องต่อ กกต. ให้ยุบพรรค แต่ในส่วนของ วิษณุ กลับระบุว่า กรณีนี้ไม่เข้าข่ายเป็นผู้ตัดสินบริหาร ทำให้สิระ ตั้งปัญหาว่า วิษณุ เป็นข้างกฎหมายของรัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทย พฤติกรรมมักคุ้มครองพรรคเพื่อไทย หรือไม่ก็มักให้ความคิดเห็นในเชิงเป็นคุณกับ ทักษิณ เคยชินวัตร อดีตนายกฯ
หรือ ในกรณีที่ สิระเคยท้าพิสูจน์ กรณีไฮโซ ลูกนัท ธนัตถ์ ธนากิจอวย ถ้าเกิดตาบอดสนิท จากความร้ายแรงที่เกิดในระหว่างการรวมกันกลุ่มราษฎร ให้พาหมอมายืนกระทั่งถึงพร้อมใบรับรองแพทย์จะให้เงินสด 1 ล้านบาท
นี่เป็นเพียงแต่พฤติกรรมเล็กน้อย และแปลงเป็นภาพจำของสังคมที่มีต่อตัว ส.ส. คนนี้ ที่มักหาประเด็นมาเล่น จุดแสงสว่างให้ตัวเองอยู่เสมอ ถ้าเกิดนับจากนี้เป็นต้นไป บทบาทที่เคยเรียกความพอใจของนักการเมืองที่ถูกจัดในหมวดสายห้าวหาญ คงจะไม่มีภาพพวกนั้นให้เห็นอีกต่อไป