26/03/2023
Breaking News

อนุทิน แจงหน่วยงานองค์กรรัฐ-เอกชน ขอสนับสนุนการฉีดวัคซีนโควิดเป็นกลุ่มได้

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แจงหน่วยงานรัฐ-เอกชนรวมตัวขอรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ได้ หรือจัดสถานที่และบุคลากรทางการแพทย์

แล้วขอรับวัคซีนไปฉีดเอง ช่วยเพิ่มการเข้าถึงวัคซีนอย่างรวดเร็ว แจงผู้ติดโรคมากขึ้นจากคุกและไซต์ก่อสร้างที่เขตหลักสี่ ใช้ Bubble and Seal ควบคุมไม่ให้เชื้อแพร่สู่ข้างนอก นับว่าควบคุมได้ ยังไม่ถึงขนาดต้องเพิ่มมาตรการ
วันนี้ (17 พฤษภาคม) ที่กระทรวงสาธารณสุข จังหวัดนนทบุรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ได้ไปพบปรึกษากับพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ เพื่อรายงานการจัดการจัดแจงการฉีดวัคซีนวัววิด 19 ทั้งยังจำนวนวัคซีนที่มีและการกระจายการฉีดวัคซีนใน 3 ช่องทางเป็นผ่านระบบแพทย์พร้อม ผ่าน อสม. และการที่หน่วยงานองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนและสมาชิกในครอบครัวรวมกลุ่มกันทำหนังสือมายัขี้งกรมควบคุมโรคเพื่อขอรับวัคซีน ทั้งยังขอรับการฉีดที่สถานบริการและการจัดสถานที่และเจ้าหน้าที่ฉีดวัคซีนเอง ลักษณะนี้จะช่วยช่วยเหลือภารกิจของกระทรวงสาธารณสุขอย่างยิ่ง ดังเช่น กระทรวงคมนาคมใช้สถานีกลางบางซื่อฉีดเจ้าหน้าที่ขนส่งสาธารณะ หรือกองทัพที่มีพื้นที่และหน่วยพยาบาลปฏิบัติงานฉีดเองได้ หรือกรณีสำนักงานประกันสังคมที่ระบุว่าจะฉีดให้ผู้เอาประกันตน เป็นต้น เมื่อฉีดแล้วจะตัดบัญชีจากจังหวัดต้นทาง
สำหรับจำนวนผู้ติดโรควัววิด-19 ที่มากขึ้นอย่างยิ่งนั้น คลัสเตอร์หลักมาจากคุกซึ่งเป็นหลักที่ปิดและไซต์ก่อสร้างเขตหลักสี่ที่สั่งปิดแล้วได้ทำเป็นโรงหมอสนาม ทั้งสิ้นใช้มาตรการ Bubble and Seal ไม่ให้มีการแพร่เชื้อสู่ข้างนอก คัดชนิดคนเจ็บเป็นกลุ่มเขียวเหลืองแดง โดยจะนำเฉพาะผู้ติดโรคมีลักษณะที่ต้องถึงมือแพทย์จริงๆออกมา โดยมากผู้ติดโรคยังเป็นกลุ่มสีเขียว เมื่อครบ 14 วันก็จะหายดี ดังเช่น คุกติดโรค 9 พันกว่าคน เป็นกลุ่มสีเขียวราวๆร้อยละ 70 เมื่อครบ 14 วันจะมีราวๆ 5 พันกว่าผู้ที่เปลี่ยนเป็นจำนวนผู้รักษาหาย ทั้งนี้ ได้ให้การส่งเสริมยารักษาโรคและการฉีดวัคซีน เหตุการณ์นับว่ายังควบคุมได้ ไม่ถึงขนาดต้องเพิ่มมาตรการ ส่วนที่มีการผ่อนคลายการทานอาหารในร้านค้า ขอให้ทุกคนยังคงมาตรการป้องกันควบคุมโรค ทั้งยังเว้นระยะห่างใส่หน้ากาก ล้างมือ หรือปฏิบัติงานที่บ้าน
“ข้างหลังการคลายอารมณ์มาตรการจะมีการประเมินเหตุการณ์ หากมีความสำคัญก็สามารถเข้มมาตรการขึ้นมาได้ ซึ่งการคลายอารมณ์และกลับมาเข้ม มิได้แสดงว่าบริหารล้มเหลว หลายประเทศมีการผ่อนคลายและกลับมาเข้มเช่นเดียวกัน แม้กระนั้นเหตุการณ์ขณะนี้ยังไม่ต้องเพิ่มมาตรการ แม้กระนั้นหากควรต้องเพิ่มมาตรการหรือล็อกดาวน์ ทาง ศบค.จะมีการพิจารณา แม้กระนั้นเหตุการณ์ในเวลานี้ยังไม่ถึงขนาดนั้น” นายอนุทินกล่าว