หลังจากชมศึกอภิมหายุทธ์ระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ที่ลงเอยด้วยการเสมอกัน 1-1 จบแล้ว
ผู้มีจิตศรัทธาในปีศาจร้ายแดงอย่างผมอยากจะพูดว่า…
1. พบร์เก้น คล็อปป์ จัดทีมได้เมามันดีนะขอรับ ในเมื่อคนนั้นก็ถูกใจ คนนี้ก็รักว่ารวมทั้งส่งแม่งลงอีกทั้ง โรกางร์โต้ ฟีร์มิโน่ กับ ดิโอเก๋ โชต้า พร้อมกันไปเลย
มองผิวเผินราวกับปรับระบบเป็น 4-2-3-1 ให้ตัวรุกแซมบ้าเป็นหน้าต่ำ โม ซาลาห์ หน้าเป้า ประกบข้างด้วยดาวยิงตัวใหม่ และ ซาดิโอ มาเน่ แม้กระนั้นสิ่งที่เห็นบนฟลอร์ต้นหญ้าราวกับเป็น 4-4-2 หรือ 4-2-4 ซะมากยิ่งกว่า เหตุเพราะนักฟุตบอลที่เด็กหงส์เรียกอย่างสวยน่าตบว่า ‘บ๊อบบี้’ มิได้ลงต่ำมาช่วยเกมในดินแดนกึ่งกลางสักเท่าไหร่
ADVERTISEMENT
เท่านั้นไม่พอ ฟูลแบ็คอีกทั้ง 2 ข้างก็กระทำตนราวกับเป็นปีกอยู่แล้ว แปลว่าเวลารุก พวกพี่ๆเขาจะดาหน้ากันขึ้นไปเป็นแผงถึง 6 ตัว !!!
2. อย่างไรก็แล้วแต่
สิ่งที่คิดกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงนั้นแตกต่าง เนื่องจากว่าผมรู้สึกว่าจัดตัวแบบงี้ ‘ลิเวอร์พูล’ เจตนา ‘เอาตาย’ แน่ๆเอาตายด้วยแนวทางเล่นแบบ เฮฟวี่ เมทั่ล – บีบสูงพลางเพรสซิ่งอย่างเพ้อคลั่ง
แต่เรื่องจริงที่เกิดขึ้นคือ ลิเวอร์พูล มิได้เล่นเกมรุกในจังหวะโลหะหนัก
เหตุที่ไม่กล้า ‘เฮฟวี่’ สักเท่าไหร่ รู้เรื่องว่าอาจเกรงเกียรติของเจ้าถิ่นที่ไม่ใช่ เชฟฯ ยูไนเต็ด หรือ เวสต์แฮม นะโว้ย ถ้าหลังดันขึ้นสูงเกินไป แถมบีบเขาไม่จนกระทั่งจะแปลงเป็นการเปิดพื้นที่ว่างในดินแดนหลังให้คู่แข่งมากจนเกินไป
3. ตอน 15 นาทีแรก พวกพ้องลิเวอร์พูลเล่นได้ดีมากยิ่งกว่าแจ้งชัด แถมความไม่มีความระมัดระวังของ ไคล์ วอล์คเกอร์ ยังช่วยให้พวกเขาขึ้นนำจากจุดโทษอีกต่างหาก – ตอนนั้นดูเช่นไร แมนฯ ซิตี้ ก็ไม่น่ารอด เพราะนอกจากจะบุกไม่ขึ้น ยังมองเกร็งๆอีกต่างหาก
ไปๆมาๆแปลงเป็นแชมป์เก่านี่แหละที่เบาๆไปเอง แล้วถอยมาเล่นแบบคุมพื้นที่ ตอนที่ดินแดนกึ่งกลางของทีมเรือใบเหนือกว่า เนื่องจากว่ามีมิดฟิลด์ตัวกลางมากยิ่งกว่าจนกระทั่งตีเสมอได้วำเร็จ
โชคร้ายที่ เควิน เดอ บรอยน์ ยิงจุดโทษพลาด ว่าแล้วนึกถึงเกมนี้ เมื่อ 2 ฤดูก่อนที่จะ แอนฟิลด์ อีกทั้ง 2 ทีมเล่นอย่างระแวดระวังแบบงี้ล่ะ ก่อน แมนฯ ซิตี้ มาได้จุดโทษในนาทีท้ายที่สุดแล้ว ริยาด มาห์เรซ ตะบันลูกลอยละล่องไปในอวกาศ แม้ว่าจะไปไม่ถึงพระจันทร์ แม้กระนั้นก็ตกอยู่ท่ามกลางดวงดาว…ถุยยย
4. ลิเวอร์พูล เล่นแบบเน้นย้ำผลแจ้งชัด รู้สึกว่าควัก 1 แต้มออกมาจาก อิสต์แลนด์สได้ก็ไม่น่ารังเกียจ ตอนที่ แมนฯ ซิตี้ ก็ไม่กล้ารุกเต็ม 80 ตีนถีบ ด้วยคิดคล้ายๆกันว่าเสมอแชมป์เก่าได้ก็ไม่เสียหายอะไรนี่หว่า
เอาง่ายๆว่ามันยังอยู่ในช่วงต้นฤดู ระยะทางยังเหลืออีกยาวไกล ไม่จำเป็นที่จะต้องรับบังคับกันให้ตายหงส์ตายห่านกันไปข้าง เท่ากันดีแล้วกว่าเสี่ยงแล้วแพ้…ว่างั้นเหอะ
5. ราฮีม สเตอร์ลิง เวลาพบทีมเก่าจะออกอาการ ‘มานะเกินเหตุ’ จนกระทั่งจังหวะแดนนรกดังเดิม หวังพึ่งอะไรมิได้เลย…ไอ้หอก
ส่วนของลิเวอร์พูล – โรกางร์โต้ ฟีร์มิโน่ ฟอร์มตกอย่างแรง แถมปราศจากความมั่นใจ ตอนที่การส่งแนวรุก 4 คนลงพร้อมกันทำให้ดินแดนกึ่งกลางด้อยกว่าซะแบบนั้น
มิหนำ เจ้าหนูเทรนต์ เอเอ ยังถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปอีกคน ถ้าเกิดหายไปแบบยาวๆเด็กหงส์อาจเครียดมิใช่น้อย