“ค่ายปรับทัศนคติ” ที่เขตซินเจียงของจีนมีจริงหรือไม่ ไต้หวันควรได้รับเอกราชจากจีนหรือเปล่า หัวข้อสนทนาเหล่านี้กำลังเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงผ่านแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียชื่อ คลับเฮาส์ (Clubhouse) ที่คนใช้เสียงคุยกันอย่างเดียว และกำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในขณะนี้
จึงไม่น่าแปลกใจที่ปัจจุบันคนในจีนไม่อาจจะใช้แอปพลิเคชันนี้ได้แล้ว
แอปพลิเคชันนี้เป็นอย่างไร
คลับเฮาส์เป็นแอปพลิเคชันที่ยังใช้ได้เฉพาะในหมู่คนใช้โทรศัทพ์มือถือไอโฟนเท่านั้น และก็ต้องได้รับ “คำชักชวน” จากผู้ที่ใช้แอปฯ อยู่แล้วเท่านั้นถึงจะเข้าไปใช้เพื่อสนทนากันทางเสียงเท่านั้น ลักษณะก็จะคล้ายๆครึ่งวิทยุสื่อสาร ครึ่งห้องประชุมออนไลน์ ดังคุณกำลังฟังเพียงพอดค้างสต์แบบใหม่ๆแต่ก็สามารถเข้าไปสนทนาได้ด้วย
ข้อมูลที่ได้รับมาจากบริษัทวิเคราะด้านแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือเซ็นเซอร์ทาวเวอร์ (Sensor Tower) นับถึงวันที่ 31 ม.ค. พบว่ามีการดาวน์โหลดแอปฯ นี้ไปแล้ว 2.3 ล้านครั้งด้วยกัน หลังจากเปิดตัวเมื่อ เดือนพฤษภาคม ที่แล้ว โดยในขณะนั้นราคาของโครงข่ายโซเชียลมีเดียนี้อยู่ที่เกือบจะ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา แต่มีรายงานว่าเมื่อเร็วๆนี้ ขยับขึ้นไปแตะพันล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา แล้ว
ในเชิงวิธีแล้ว แอปฯ นี้มีมาตรการรักษาความเป็นส่วนตัวในระดับหนึ่ง ด้วยเหตุว่าไม่มีทางเลือกให้คนอัดเสียงบทสนทนาเอาไว้ได้ แต่ก็มีในกรณีที่มีคนแอบอัดเสียงเจรจาของคนดัง แล้วเอาไปอัปโหลดลงยูทิวบ์ในคราวหลัง
ขณะนี้ผู้มีชื่อเสียงในสหรัฐอเมริกา เริ่มหันมาใช้แอปฯ นี้มากขึ้นเรื่อยๆอาทิเช่น โอปราห์ วินฟรีย์ เดเกลื่อนกลาด และก็จาเรด เลโต จากที่เคยใช้กันในกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทางเทคโนโลยีและก็นักลงทุน ในแถบซิลิคอนแวลลีย์ของสหรัฐอเมริกา เท่านั้น จนตราบเท่ายอดดาวน์โหลดพุ่งเป็นเท่าตัวข้างหลังอีลอน มัสก์ และก็มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เริ่มใช้แพลตฟอร์มนี้ด้วย
ช่องโหว่
ก่อนหน้านี้คนในจีนสามารถใช้แอปฯ นี้ได้จนกระทั่งเมื่อต้นอาทิตย์ที่แล้ว โดยในระหว่างระยะเวลาสั้นๆนั้น คนได้ถือโอกาสใช้ “ช่องโหว่” นี้ สนทนากันถึง “เรื่องต้องห้าม” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชาวอุยกูร์ในซินเจียง การปราบคนคัดค้านประเทศฮ่องกง หรือความสัมพันธ์ระหว่างไต้หวันกับจีน
“นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเข้าอินเทอร์เน็ตจริงๆ” หญิงจากจีนแผ่นดินใหญ่คนหนึ่งรายงานในห้องสนทนาหนึ่ง
สถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีได้โอกาสได้เข้าไปฟังบทสนทนาเหล่านี้ด้วย อย่างในห้องสนทนาที่ชื่อ “Everyone asks Everyone” เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน คนจากทั้งจีนและก็ไต้หวันร่วมสนทนากันด้วยภาษาจีนกลาง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องประโยชน์ที่ได้รับมาจากประชาธิปไตยในประเทศที่คนพูดภาษาจีน ความน่าจะเป็นที่จีนจะมาเพิ่มเติมไต้หวันเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของประเทศอย่างเป็นทางการ ไปจนกระทั่งเรื่องส่วนบุคคล
ท่ามกลางความเคร่งเครียดระหว่างจีนกับไต้หวันและก็ประเทศฮ่องกง นี่ไม่ใช่การปรากฏที่เกิดขึ้นบ่อยมาก เนื่องจากว่าจีนใช้เทคโนโลยีที่ซับซ้อนสำหรับในการคัดเลือกกรองและก็สำรวจข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ตของประชาชน ซึ่งนักวิพากษ์วิจารณ์เรียกอุปกรณ์เหล่านี้แบบเสียดสีว่า “กำแพงไฟร์วอลล์เมืองจีน” (great firewall)
ขณะนี้ ถ้าหากผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์รัฐบนแพลตฟอร์มที่ยังใช้ได้ในประเทศอย่างเว็บไซต์ เว่ยป๋อ (Weibo) และก็แอปพลิเคชันวีแชต (WeChat) ก็อาจถูกทางการจัดการได้ แต่ในระยะเวลาสั้นๆที่คนในจีนสามารถใช้คลับเฮาส์ได้ ไม่มีการเซ็นเซอร์เนื้อหาการพูดคุยอะไร ทำให้คนก็รู้สึกปลอดภัยในระดับหนึ่งด้วยเหตุว่าไม่มีทางเลือกให้คนอัดเสียงบทสนทนาเอาไว้ จนกระทั่งจุดหนึ่งมีคนเข้าร่วมในห้องสนทนาดังกล่าวมาแล้วข้างต้นพร้อมถึง 5 พันคน
“ว่ากันตรงๆมันก็มีการโฆษณาชวนเชื่อกันทั้งสองฝ่ายนั่นแหละ เพราะเหตุไรพวกเราไม่มานะมาเข้าใจกันและกันให้มากยิ่งขึ้น เห็นอกเห็นใจกัน และก็ให้การสนับสนุนกัน” หญิงจากไต้หวันคนหนึ่งกล่าว
เมื่อวันเสาร์ที่แล้ว มีห้องสนทนาชื่อ “มีค่ายกักกันที่ซินเจียงหรือไม่” (Is there a concentration camp in Xinjiang?) ที่คนเข้าไปแย้งกันนานถึง 12 ชั่วโมง ฟรานซิส (นามสมมุติ) ซึ่งเป็นผู้ผลิตกรุ๊ปบอกกับสถานีวิทยุกระจายเสียงบีบีซีว่า กลุ่มนี้มิได้มีเพื่อตั้งข้อซักถามว่าค่ายกักขังมีใช่หรือไม่ แต่เพื่อให้คนมีแสดงความคิดเห็นที่ต่างกันต่อหลักการของจีนในเขตดูแลซินเจียง
“คนฟังที่เป็นชาวจีนเชื้อสายฮั่นหลายคน ซึ่งเคยไม่เชื่อว่ามีค่ายเหล่านี้จริง รู้สึกร่วมไปกับคำกล่าวเรื่องราวชีวิตจากปากชาวอุยกูร์และก็เข้าใจสุดท้ายว่ามีเรื่องทารุณเพียงใดเกิดขึ้น นี่อาจเป็นความเสร็จสูงสุดของกรุ๊ปเจรจานี้” ฟรานซิส ซึ่งเป็นเป็นนักทำหนังชาวจีนเชื้อสายฮั่นที่อาศัยอยู่ในนครลอสแอนเจลิส กล่าว
ข้อไม่ค่อยสบายใจ
ตอนที่แอปฯ เป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆแต่ก็เริ่มมีความรู้สึกวิตกกังวลมากยิ่งขึ้นเหมือนกันโดยคนวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มีมาตรการควบคุมผู้เข้าร่วมบทสนทนา
เมื่อเดือน ธันวาคม เคเกลื่อนกลาด เจนรับประทานส์ เขียนบทความลงในเว็บไซต์วัลเชอร์ (Vulture) ว่า ถ้าหากคนที่สร้างกรุ๊ปและก็รอควบคุมบทสนทนาไม่ระวัง การพูดคุยก็อาจแปลงเป็นการจู่โจมกันและกันได้
เขาบอกอีกว่า ต้องรอดูกันต่อไปว่าคนแค่พอใจแอปพลิเคชัน ที่ในระดับหนึ่งก็ไม่ได้ต่างอะไรจากการเลียนแบบประสบการณ์การแชตออนไลน์กับคนแปลกหน้าในสมัยทศวรรษ 90 เพียงแค่เนื่องจากว่าขณะนี้พวกเราต้องอยู่กับบ้านและก็รู้สึกหงอยเหงาหรือไม่
Clubhouse ในไทย
แอปพลิเคชันนี้กำลังเป็นที่นิยมในหมู่คนไทยมากขึ้นเหมือนกัน ในรอบอาทิตย์ก่อนหน้านี้มีผู้ใช้โซเชียลมีเดียและก็ “อินฟลูเอนเซอร์” ในโลกออนไลน์หลายคนโพสต์เนื้อความบอกประสบการณ์การเข้าร่วมหรือเป็นเจ้าภาพ (โฮสต์) การคุยในประเด็นต่างๆในคลับเฮาส์ อย่างเช่น สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระ เปิดห้องสนทนาหัวข้อ “วิธีเปลี่ยนใจกองเชียร์ทหาร” และก็ ปวิน รุ่งเรืองวงศ์พันธ์ นักวิชาการและก็ผู้ลี้ภัยการเมือง เปิดห้องสนทนาเกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์และก็พระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10
นักการเมือง นักวิชาการ นักวิพากษ์วิจารณ์และก็สื่อมวลชนที่มีชื่อหลายชิ้นขึ้นเรื่อยต่างก็ดาวน์โหลดคลับเฮาส์มาใช้และก็เข้าร่วมการคุย
เมื่อเร็วๆนี้ยังมีผู้ตั้งบัญชีทวิตเตอร์ @ClubhouseTh ซึ่งมิได้เป็นบัญชีทางการของแอปพลิเคชัน เพื่อเป็นหนทางให้บรรดาเจ้าภาพห้องสนทนาคลับเฮาส์ ประชาสัมพันธ์ห้องสนทนาของตัวเอง ซึ่งปรากฏว่ามีการประชาสัมพันธ์ห้องสนทนาในประเด็นที่มากมาย ตั้งแต่เรื่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษ การเมืองในภรรยานมา แชร์ประสบการณ์เลวร้ายสำหรับในการดำเนินการ ไปจนกระทั่งเรื่องทำนายดวงชะตาและก็ไสยเวท
ทวิตเตอร์ @ClubhouseTh ยังให้ข้อมูลเหตุว่าห้องสนทนาของ ดร.ปวิน เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 10 เมื่อวันที่ 16 ก.พ. “สร้างการปรากฏใหม่กับการพาห้องคลับเฮาส์เต็มถึง 2 ห้องๆละ 6 พันคน ยอดฟังกว่า 1.2 หมื่นคน”